หนุ่ม 35 ปี สางแค้นเพื่อนบ้าน ทะเลาะกันมานาน 10 ปี คว้า.38 รัว 5 นัดเข้าหัว-ลำตัว

วันที่ 16 มิ.ย.2568 พ.ต.ท.สมศักดิ์ ศิริแสวง สว.สอบสวน สภ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทและใช้อาวุธปืนยิงกัน มีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 ราย เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า หมู่ 1 ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา
ตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดไล่ล่า ประสานทีมแพทย์โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ ไปให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ
ที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บทราบชื่อคือ นายเทพทัศน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี เจ้าของร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า นอนแน่นิ่งอยู่หน้าร้าน มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ศีรษะและลำตัว รวม 5 นัด เลือดไหลนองพื้น เจ้าหน้าที่เร่งปฐมพยาบาลและทำ CPR ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลราชธานี
ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือ นายวีรยุธ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี อยู่บ้านติดกับร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งเป็นบ้านพักของผู้บาดเจ็บ หลังก่อเหตุเข้าไปหลบอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงเข้าควบคุมตัวพร้อมยึดอาวุธปืนขนาด .38 พร้อมกระสุน และพบปลอกกระสุน 5 ปลอกทิ้งในถังขยะ
สอบสวนนายวีรยุธ ให้การว่า มีปัญหากับครอบครัวผู้บาดเจ็บสะสมมานานกว่า 10 ปี ช่วงเกิดเหตุขับรถออกไปกับภรรยาเพื่อนำรถไปซ่อม ขณะกลับมาที่บ้าน คนเจ็บตะโกนให้ของลับตนเอง จึงย้อนกลับไปพูดคุย จนเกิดการโต้เถียงกันอีกครั้ง ถูกอีกฝ่ายถือมีดไล่จะฟัน จึงรีบวิ่งกลับเข้าบ้าน หยิบปืนออกมายิงใส่ทันที 5 นัด แล้วรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้าน นางปราณี (สงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ภรรยาของผู้บาดเจ็บ ให้การทั้งน้ำตาว่า ขณะเกิดเหตุ สามี นั่งอยู่หน้าร้าน ร้องเพลงคาราโอเกะอยู่ ส่วนตนนั่งอยู่ในร้าน จากนั้นผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์มาพร้อมภรรยา แล้วมาจอดหน้าร้าน ผู้ก่อเหตุเข้ามาพูดคุยกับสามีของตน กล่าวหาว่าสามีของตนไปพูดจาแขวะ ให้ของลับ จนเกิดมีปากเสียงกันรุนแรง
จากนั้น ผู้ก่อเหตุชักปืนจ่อยิงหลายนัด สามีของตนไม่มีอาวุธอะไร ตนไม่กล้าออกมา เพราะกลัวจะถูกยิงซ้ำ กระทั้ง ผู้ก่อเหตุขับรถออกไป ตนรีบวิ่งมาดูสามี พบว่านอนแน่นิ่งมีบาดแผลถูกยิงที่ศีรษะ และลำตัว จมกองเลือด จึงรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ ก่อนหน้านี้ สามีของตนเอง และผู้ก่อเหตุมีปากเสียงกันมานานแล้ว เรื่องที่ทาง และเรื่องการของเบิ้ลรถเสียงดัง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.อุทัย พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมาย