จับหนุ่มแต่งกายเป็นพระออกเรี่ยไรเงิน - ตระเวนชิงทรัพย์หลายจังหวัด ขู่สื่ออย่าทำข่าว หวั่นประชาชนหมดศรัทธาศาสนา

จับหนุ่มแต่งกายเป็นพระออกเรี่ยไรเงิน – ตระเวนชิงทรัพย์หลายจังหวัด ขู่สื่ออย่าทำข่าว หวั่นประชาชนหมดศรัทธาศาสนา

จากกรณี นายอาคม ใจภักดี อายุ 56 ปี คนขับแท็กซี่ ถูก 2 คนร้ายลวงเหมา แท็กซี่จากกรุงเทพ มาส่งอยุธยา พาเข้าที่เปลี่ยว ยาหม่องป้ายตา ชิงเงินถีบคนขับลงข้างทาง ริมถนนสายเอเชีย ต.บ้านเกาะ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ก่อนชิงรถหนี แล้วนำรถยนต์แท็กซี่ไปจิอดทิ้ง ในอ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมาตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ต่อมาเมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ต.ท.ธรรศ รัฐปัตย์ รองผู้กำกับการสืบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจากตำรวจภูธรภาค 1 และ สน.หัวหมาก ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายวิวัฒน์ งามสมบัติ อายุ 42 ปี ชาวจังหวัดนครสวรรค์ ตามหมายจับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในข้อหา “ร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยปกปิดใบหน้า เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” ขณะหลบซ่อนตัวอยู่ในโรงแรมย่านรามคำแหง กรุงเทพมหานคร

จากการสอบสวน นายวิวัฒน์รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ โดยอ้างว่าไม่มีเงินจ่ายค่าแท็กซี่ และต้องการเงินไปเล่นพนันออนไลน์ จึงลงมือข่มขู่และทำร้ายคนขับแท็กซี่ ก่อนชิงเงินและรถหลบหนีไปจอดทิ้ง แล้วกลับเข้ากรุงเทพฯ เช่าห้องพักโรงแรม และแต่งกายเป็นพระสงฆ์ออกเรี่ยไรเงินจากชาวบ้านผ่านซองผ้าป่า เพื่อนำมาใช้จ่ายและเล่นพนัน เมื่อเงินหมดก็ออกก่อเหตุซ้ำ

เจ้าหน้าที่พบว่า นายวิวัฒน์เคยลวงคนขับแท็กซี่จากจังหวัดสมุทรปราการให้ไปส่งที่วัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม โดยอ้างว่าตนเป็นโรคเบาหวานน้ำตาลตก เดินไม่ไหว ขอให้คนขับลงไปซื้อเครื่องดื่มชูกำลังให้ ก่อนฉวยโอกาสขับรถหลบหนีไปบ้านเกิดที่อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ และก่อเหตุขโมยโน้ตบุ๊กจากร้านคอมพิวเตอร์ในพื้นที่ ก่อนนำไปขาย

ระหว่างเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ รถแท็กซี่น้ำมันหมด นายวิวัฒน์ได้นำรถเข้าเติมน้ำมัน 1,000 บาทโดยไม่จ่ายเงิน และยังชิงเงินจากพนักงานปั๊มน้ำมันอีก 2,000 บาท ก่อนหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ

จากการตรวจค้นรถแท็กซี่ที่ถูกชิงมาจากจังหวัดสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่พบข้าวของเครื่องใช้จำนวนมาก รวมถึงจีวรพระ ซองผ้าป่า เอกสารเชิญชวนร่วมทำบุญต่าง ๆ เช่น การสร้างพระและบวชพระ พร้อมหมายเลขบัญชีธนาคารสำหรับโอนเงินร่วมทำบุญ
นายวิวัฒน์ยอมรับว่า ตนติดการพนันออนไลน์อย่างหนัก เล่นได้ก็หมดไป เสียมากกว่าได้ เมื่อเงินหมดก็แต่งกายเป็นพระออกเรี่ยไรตามชุมชน โดยกล่าวว่า “ชาวบ้านศรัทธาเราก็ให้เงิน” พร้อมขู่นักข่าวว่า “อย่าทำข่าวเรื่องนี้ เพราะจะทำให้คนหมดศรัทธา ไม่ทำบุญกับพระและวัด เป็นบาปของนักข่าว”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิวัฒน์มักเร่ร่อนไปพักตามโรงแรม หากได้เงินจากการเรี่ยไรจะนำไปเล่นพนันออนไลน์ เมื่อหมดเงินก็ออกก่อเหตุลักขโมยและชิงทรัพย์ ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามตัวได้ยาก

จนกระทั่งล่าสุด นายวิวัฒน์กลับไปบ้านพักที่จังหวัดนครสวรรค์ ครอบครัวเกิดความสงสัยเมื่อเห็นรถแท็กซี่จอดอยู่ จึงแจ้งหมายเลขทะเบียนให้ตำรวจตรวจสอบ พบว่าเป็นรถที่ถูกชิงมา เจ้าหน้าที่จึงประสานงานหลายหน่วย พร้อมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่าง ๆ จนสามารถติดตามจับกุมตัวได้

หลังสอบสวน เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายวิวัฒน์ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. ตำบลบ้านเกาะ อำเภอพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุรายแรก ขณะนี้มีผู้เสียหายจากหลายจังหวัดทยอยเดินทางมาชี้ตัวผู้ต้องหา และเจ้าหน้าที่เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในคดีอื่น ๆ ต่อไป

คุณอาจสนใจข่าวนี้

error: เนื้อหา และภาพข่าวมีลิขสิทธิ์ห้ามนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาติ