ตำรวจเร่งคลี่คลายคดี มือปืนยิงหนุ่มกู้ภัยดับ พบรถต้องสงสัยตามหลัง – เคยถูกข่มขู่มาก่อน

จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาด ยิงนายศรายุทธ นกจั่น หรือ “เก่ง” อายุ 24 ปี เจ้าหน้าที่สมาคมอยุธยารวมใจ หน่วยกู้ภัยอยุธยา จุดบ้านแพรก (รหัส 318) เสียชีวิต พร้อมรถจักรยานยนต์กู้ชีพคู่ใจ เหตุเกิดบนถนนเลียบคลอง ม.5 ต.คลองน้อย อ.บ้านแพรก จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 10 กันยายน 2568 ตำรวจสันนิษฐานเบื้องต้นว่า คนร้ายอาจจอดรถพูดคุยกับผู้ตาย ก่อนลงมือยิงในระยะประชิด
ความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 11 กันยายน ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุอีกครั้ง พบกับนางมาลี ปิ่นจุมพล อายุ 59 ปี มารดาผู้ตาย และนายบัญชา นกจั่น อายุ 38 ปี พี่ชาย เดินทางมาเชิญดวงวิญญาณผู้เสียชีวิตกลับบ้านเพื่อประกอบพิธีทางศาสนา

นายบัญชา เปิดเผยว่า หลังทราบข่าวการเสียชีวิตของน้องชาย ยังไม่กล้าบอกแม่ทันที เพราะแม่ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง เกรงจะช็อก จึงรอจนเช้าค่อยบอกความจริง ทำให้แม่เสียใจอย่างหนัก ย้ำว่าน้องชายเป็นเสาหลักของครอบครัว คอยดูแลแม่ หลังพ่อเพิ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและเพิ่งทำบุญครบ 100 วัน ก่อนเกิดเหตุเพียง 2 ชั่วโมงยังคุยกับน้องชาย
ซึ่งบอกว่าจะออกไปหาอาหารกิน ก่อนถูกยิงเสียชีวิตห่างจากบ้านไม่ถึง 1 กิโลเมตร ส่วนสาเหตุไม่ทราบแน่ชัด อาจมาจากความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานเก่า หรือเรื่องเงินกู้

ด้านนางมาลี มารดา กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตกใจและช็อกหนักเมื่อรู้ข่าว เพราะก่อนหน้านี้ลูกชายเพิ่งบอกว่า “แม่ ผมเบื่อ ไม่อยากอยู่แล้ว” ตนได้แต่ปลอบว่าให้เข้มแข็งและอยู่ดูแลครอบครัวต่อไป ขณะที่นายชวา โพธิ์มัน อายุ 58 ปี อาของผู้ตาย เผยว่าผู้ตายเป็นคนดี ขยัน ช่วยเหลือครอบครัวมาโดยตลอด ครอบครัวเพิ่งสูญเสียพ่อไปไม่นาน อีกทั้งเคยได้ยินว่าผู้ตายไปกู้เงินจากกลุ่มปล่อยกู้ ซึ่งอาจเป็นชนวนเหตุ
ต่อมา พ.ต.อ.ชนะ ธีรศรัณยานนท์ ผกก.สภ.บ้านแพรก และ พ.ต.อ.พีรพัสส์ ชูช่วย ผกก.สส.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุและค้นบ้านพักผู้ตายเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.ภูมิธัช โฆษิตวนิชพงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา ได้ประชุมวางแนวทางการสืบสวน โดยเรียกบุคคลใกล้ชิด เพื่อนร่วมงาน และหญิงสาวคนสนิทมาสอบสวน

มีรายงานว่ามีกระแสข่าวโยงตำรวจ 3 นาย จาก สภ.บ้านข่อย จ.ลพบุรี เข้ามาเกี่ยวข้อง เบื้องต้นได้มีการสอบสวนและเก็บเขม่าดินปืนที่มือทั้งสามไว้ตรวจสอบแล้ว โดยทั้งหมดอ้างว่าหลังเลิกตั้งด่านระหว่างเดินทางกลับโรงพัก ได้พบศพผู้ตายริมถนนจึงเข้าตรวจสอบ พบถูกยิงด้วยปืนลูกซอง กระสุนเข้าที่หัวไหล่จนเกิดบาดแผลขนาดใหญ่
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การตรวจค้นห้องพักผู้ตายพบเอกสารบันทึกประจำวันเมื่อปี 2567 ระบุว่าผู้ตายเคยถูกข่มขู่ผ่านแอปพลิเคชันไลน์ อีกทั้งยังมีพยานยืนยันว่า เห็นรถจักรยานยนต์ต้องสงสัยขับติดตามผู้ตายไปก่อนเกิดเหตุ ซึ่งตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
