หนุ่มโรงงานขี่จยย.ชนท้ายรถบรรทุกบาดเจ็บพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในตัว 11 เม็ด
เมื่อเวลา 9.00 น วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2565 พ.ต.ท.มาโนช ฤทธิพูน สว.สอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถยนต์บรรทุกพ่วง มีผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส บนถนนสายเอเชีย ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่องทางคู่ขนาน หลักกิโลเมตรที่ 23 ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานสมาคมอยุธยารวมใจ ไปให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ
บนถนนพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สีแดง ล้มคว่ำอยู่กลางถนน สภาพด้านหน้าพังยับเยิน พบ ผู้ได้รับบาดเจ็บชาย สวมใส่ชุดพนักงานโรงงานอุตสาหกรรมแห่งหนึ่ง เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มีบาดแผลฉกรรจ์บริเวณใบหน้าและตามร่างกายอาการสาหัสเจ้าหน้าที่เร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลราชธานี ทราบชื่อต่อมานายเกียรติศักดิ์ อายุ 20 ปี เป็นชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ตรวจสอบบนถนนพบชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์แตกกระจายเกลื่อนถนน ส่วนรถยนต์บรรทุกพ่วงไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุทราบจากพลเมืองดีที่เห็นเหตุการณ์หลังจากรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถยนต์บรรทุกพ่วงรถยนต์พ่วงไม่ทราบว่ามีรถชนท้ายจึงได้ขับต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงาน เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารและทรัพย์สินในตัวของผู้บาดเจ็บเพื่อประสานติดตามญาติ พบถุงพลาสติกใส พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ จำนวน 11 เม็ด ซองบุหรี่จำนวน 1 ซองเจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน
สอบถาม นายภานุวัตร แสงอรุณ อายุ 25 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัยอยุธยา เปิดเผยว่าได้รับแจ้งว่ามีรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถยนต์บรรทุกพ่วง เมื่อมาถึงพบว่ารถจักรยานยนต์พลิกคว่ำอยู่กลางถนนสภาพรถพังเสียหาย ส่วนรถยนต์บรรทุกพ่วงทราบว่าไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุซึ่งอาจจะไม่ทราบว่าถูกรถจักรยานยนต์ชนท้าย ส่วนบนถนนมีผู้บาดเจ็บนอนอยู่กลางถนนจึงเข้าทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นพบว่ามีบาดแผลบริเวณใบหน้าและตามร่างกาย พร้อมกับตรวจสอบตามร่างกายของผู้บาดเจ็บว่ามีกระดูกหักหรือส่วนอื่นของร่างกายบาดเจ็บอีกหรือไม่แต่ผู้บาดเจ็บพยายามเบี่ยงตัวหลบหนีตลอดเวลา หลังจากปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วอยู่ระหว่างจะช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลจะตรวจสอบเอกสารเพื่อส่งโรงพยาบาลไปรักษาตามสิทธิ์การรักษา จึงพบยาเสพติดดังกล่าวจากนั้นจึงประสานเจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบและนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดยาบ้าที่พบทั้งหมดพร้อมกับอายัดตัวผู้บาดเจ็บซึ่งอาการสาหัสที่โรงพยาบาลเพื่อดำเนินตามกระบวนการกฎหมายต่อไป
