หนุ่มซิ่งจยย.หนีตร.ไล่จับท่อดัง รถเสียหลักพุ่งชนฟุตปาธดับ ญาติคาใจเกินกว่าเหตุหรือไม่

หนุ่มซิ่งจยย.หนีตร.ไล่จับท่อดัง รถเสียหลักพุ่งชนฟุตปาธดับ ญาติคาใจเกินกว่าเหตุหรือไม่

จากกรณี ผู้ใช้เฟซบุ๊ก เอก เสฏฐวุฒิ ผู้ชายมือสอง โพสต์ภาพและคลิปเหตุการณ์เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ เสียหลักชนเสาไฟฟ้า มีผู้เสียชีวิต พร้อมระบุว่า “เรียบร้อยอีก 1 ตำรวจไล่ หลุดโค้งหน้าตลาดน้ำอโยธยา ญาติใครมาดูด้วยครับ ผมแค่ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมถึงไล่กันขนาดนี้ ไล่กันเอาเป็นเอาตายเลยเหรอครับ แค่ไล่ห่างๆ ก็พอแล้วมั้งครับ กล้องก็มีติดหน้าอกทุกคนไม่ใช่เหรอครับ แต่เมื่อกี้ที่ผมดูแล้วตำรวจชุดไล่ล่าเคสนี้ไม่ได้ติดกล้อง body camera เลยสักคน ถ้าติดกล้องคงไม่ไล่ขนาดนี้ใช่ไหมครับ เพราะว่ากล้องต้องบันทึกทุกเหตุการณ์ไว้หมดแล้ว แต่นี่ไม่มีกล้องเลยสักคน มีอยู่คนเดียวครับเมื่อกี้มา 4 นายเห็นกล้องอยู่คนเดียวที่ติดหน้าอก ถ้าผมพูดผิดตรงไหนเชิญได้เลยครับผม แค่ตั้งข้อสงสัยผมเห็นไล่จับไล่ตรวจทุกวันแล้วมันหมดไหมครับไอ้ท่อดัง อีกอย่างเมื่อกี้ตรวจค้นแล้วเขาไม่มีสิ่งผิดกฎหมายไม่ได้พกยาไม่ได้พกอาวุธปืนใช่ไหมครับ แค่ท่อดัง ไล่กันขนาดนี้เลย แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของคนอื่นด้วยครับ ถ้าคุณไม่ห่วงชีวิตตัวคุณเอง คุณก็คำนึงถึงชีวิตคนอื่นเขาบ้าง บางทีเขาก็มีลูกมีครอบครัวที่รออยู่ที่บ้าน มันมีหลายวิธีมากๆ ที่จะเอาผิดทางกฎหมายกับเขา กล้องตามสี่แยกก็มี ป้ายทะเบียนเขาก็ติด ออกหมายเรียกไปซิครับ ถ้าออกหมายเรียกไปแล้วเขาไม่มา มันก็ออกหมายจับได้นิ เพราะมีพฤติการณ์หลบหนี ไม่เห็นต้องไล่บี้กันขนาดนี้เลย ผมไม่ได้เข้าข้างใครนะ ผมพูดเป็นกลาง ว่าเพื่อ? กี่ชีวิตแล้วครับ”

ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบ น.ส.คณิชคุณ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ภรรยาของ นายณัฐพงศ์ (สงวนนามสกุล) หรือแจ็ค อายุ 33 ปี ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุดังกล่าว ได้นำคลิปกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ขณะที่รถจักรยานยนต์ของนายแจ็คซึ่งเป็นสามีของตนเองขับเข้ามาตามถนนเทศบาลเมืองอโธยา ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เห็นผู้เสียชีวิตขับขี่รถจักรยานยนต์ท่อส่งเสียงดังด้วยความเร็ว แล้วมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ขับขี่รถจักรยานยนต์สายตรวจ ขับไล่ติดตามมา ภาพจากกล้องวงจรปิดอีกมุม เห็นรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต เสียหลักแหกโค้งจนไถลไปชนกับขอบฟุตปาธ ร่างลอยกระเด็นไปชนเสาไฟฟ้า

น.ส.คณิชคุณ ภรรยาของผู้เสียชีวิต เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุ ช่วงเวลาประมาณ 01.50 น. ตอนนั้นตนนอนอยู่ในบ้านไม่รู้เรื่องอะไร แต่สามีบอกจะนำรถจักรยานยนต์ออกไปเติมน้ำมัน จนมีคนขับรถจักรยานยนต์มาตามที่บ้านว่าสามีตนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจไล่จับ แล้วขับรถหลบหนีจนหลุดโค้งชนเสาไฟฟ้าอาการสาหัส ตนจึงรีบไปดูพบว่าสามีนอนอยู่ในลักษณะคว่ำหน้า มีเลือดไหลออกมาจากศีรษะจำนวนมาก ยังพอจะรู้สึกตัวแต่ก็อาการสาหัส มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ ซี่โครงหัก แขนขาหัก เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

ในที่เกิดเหตุ ตนก็ไม่เห็นว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนไหนเข้ามาดู หรือพูดอะไร มีเพียงพนักงานสอบสวนมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ จากนั้นถ่ายรูปและยกรถจักรยานยนต์ของสามีขึ้นท้ายรถตำรวจไป

ยอมรับว่ารถจักรยานยนต์ของสามีท่อเสียงดังจึงไม่ค่อยได้นำออกไปขับตอนกลางวัน แต่วันนี้สามีต้องการจะนำรถจักรยานยนต์ไปเติมนำมันจึงขับออกไปแล้วคงไปเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจไล่ตาม จึงจะขับรถจักรยานยนต์ขับเข้ามาในซอยบ้าน แล้วก็มาประสบอุบัติเหตุของชนเสาไฟฟ้าเสียชีวิต ซึ่งเบื้องต้นตนมองว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเกินกว่าเหตุ ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

ด้าน นายเสฏฐวุฒิ พลเมืองดี เผยว่า ตนนั่งอยู่ที่ร้านบริเจดีย์สามปลื้ม จากนั้นเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจได้ขับตามรถจักรยานยนต์ท่อดังมาตั้งแต่สี่แยกวัดพระญาติ และไล่ตามมาถนนโรจนะขาเข้า โดยมีรถท่อดัง ขับกันมาประมาณสามคันแต่อีกสองคนนั้นเลี้ยวไปทางวัดใหญ่ชัยมงคล แต่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตได้เลี้ยวมาทางถนนเทศบาลอโยธยา พักนึงตนก็ได้ยินเสียงรถเจ้าหน้าที่กู้ภัยวิ่งมา นึกในใจแล้วว่าต้องเกิดอุบัติเหตุจึงรีบมาจุดเกิดเหตุแล้วนำกล้องมือถือมาถ่าย ซึ่งตนยังพูดในจุดเกิดเหตุเลยว่าเป็นอย่างไรทำเกินกว่าเหตุไปไหมเนี่ย ถ้าเกิดมีคนเสียชีวิตขึ้นมาจะรับผิดชอบยังไง สุดท้ายก็เกิดเรื่องจริงๆ ตนมองว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุไปไหม เข้าใจว่ารถจักรยานยนต์ท่อดังในความผิดแต่มันมีวิธีอื่น ซึ่งน่าจะดีกว่านี้หากตนติดกล้องหน้าซึ่งรถคันดังกล่าวก็ติดหมายเลขทะเบียนชัดเจนก็ออกหมายเรียกหรือหมายจับไปเลยหากมาขับกลัวรถจักรยานยนต์แบบนี้แล้วมีผู้เสียชีวิตใครจะรับผิดชอบหรือตั้งด่านจากแบบเอาจริงเอาจังไปเลย

คุณอาจสนใจข่าวนี้

error: เนื้อหา และภาพข่าวมีลิขสิทธิ์ห้ามนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาติ